หนังสือ Super Productive

บันทึกไม่ลับของบลู

6 months ago

บันทึกไม่ลับ :: หนังสือ Super Productive

super-productive-cover

หนังสือเล่มนี้มี 3 บท ใหญ่ด้วยกันคือ การจัดการตัวเอง การจัดการธุรกิจ และ การจัดการทีม สิ่งที่ชอบ จากที่อ่านมากที่สุดและอยากแนะนำ คงเป็นบทการจัดการตัวเอง เลยอยากเขียนบันทึกให้เพื่อนๆได้อ่านกัน :)

11 บทของการจัดการตัวเอง

  1. คิดจะทำสิ่งใหม่ๆ อย่าคิดเยอะ

    • การต่อสู้กับ burnout ที่ดีที่สุด คือการทำต่อแบบไม่ต้องคิดเยอะ
    • สิ่งสำคัญที่สุดคือ "วินัย"และต้องทำให้ดีกว่าเดิม
  2. หยุดกังวลในสิ่งที่คนอื่นคิดถึงกับคุณ

    • เรามักจะคิดว่าคนอื่นจะจำเรื่องของเราได้แม่นมากแต่มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย นั่นส่งผลให้เราคิดเยอะทุกครั้งเมื่อมีคนมา comment ทั้งๆที่คนๆนั้น ไม่ได้คิดอะไรต่อเลยหลังจาก comment เสร็จไปแล้ว
    • เข้าใจตัวเองแบบลึกซึ้ง อะไรที่เราเชื่อ อะไรที่เราไม่เชื่อ (หาปรัชญาในการดำเนินชีวิต)เพื่อจะให้เราเข้าใจตัวเองที่แท้จริงว่าทำอะไรอยู่ ในสถานการณ์ที่เผชิญอยู่กับคำวิจารย์
  3. เข้าใจนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง

    • ต้องการเปลี่ยนพฤติกรรมนี้ ต้องเริ่มจากวิธีคิดก่อน
    • แก้อย่างไรดี

      • วางแผน เลือกสิ่งสำคัญที่สุดในลิสต์ หากงานเยอะ ลองแบ่งย่อยๆแล้วทำเป็นขั้นเป็นตอน
      • ลงมือทำ แรกๆจะยาก ฝืนสักนิด พอจุดหนึ่งเราจะรู้สึกดีขึ้น
  4. แรงจูงใจในการทำงาน

    • ต้องหาว่าอะไรกันแน่ที่มีความสุขจริงๆ ในการทำงาน

      เมื่องานนั้นมีความสุข ผลของมันจะออกมาดีเสมอ

  5. ทำอย่างไรจึงเป็นคนที่เรียนรู้ตลอดชีวิต

    • จงมี Growth Mindset นั่นคือทัศคติที่เชื่อว่าทุกอย่างสามารถพัฒนาได้ ไม่เก่งก็ฝึก ไม่รู้ต้องเรียนรู้

    • วิธีเรียนรู้ด้วยตัวเอง

      • กฏ 5 ชั่วโมงของเบนจมิน แฟรงคลิน เรียนรู้เรื่องใหม่วันละ 5 ชั่วโมง ตลอด 5 - 6 วัน ต่อสัปดาห์
      • Active Learning เรียนรู้ได้ด้วยการลงมือทำ ex. เมื่ออ่านหนังสือ มีการจดในช่องว่างของหนังสือ
      • จัดลำดับความสำคัญ 80/20 ทุกศาสตร์ จะมีหลักที่สำคัญประมาณ 20 - 30 % และ 20% นี้แหละที่จะทำให้อีก 80% ได้ง่ายขึ้น
      • หาแรงบรรดาลใจให้เรียนรู้สิ่งใหม่

        ถ้ารู้ว่าตัวเองเรียนรู้ไปทำไม ที่เหลือก็ไม่ยากแล้ว

      ex. Mar Cuban อายุ 60 มีความเชื่อว่าคนที่จะมีทรัพย์สิน 1 ล้านล้านเหรียญคนแรก ต้องทำเงินมาจาก AI เขาจึงศึกษาการเขียน AI ตลอดเวลาที่ว่าง

  6. รู้กว้าง VS รู้ลึก

    • มักจะพูดถึงตัว “T” ที่คนเราจะต้องรู้กว้าง (-) และลึก (|) แต่สุดท้ายเราจะต้องหางานที่เอา T ไปใส่แล้ว เรารู้สึกมีความสุขที่สุดเพราะมีความสุข เราก็จะทำงานได้ดี
  7. รู้จักตัวเอง

    • Internal Self Awareness เราต้องเข้าใจตัวเราว่าพื้นที่ยืนของเรานั้น อยู่ที่ไหนสภาพแวดล้อมแบบไหน หากไม่มีความสุขแสดงว่าเรายืนผิดที่
    • External Self Awareness คือเรารู้จักตัวเองผ่านคนรอบตัวและเรารับฟังฟีดแบ็กหรือตั้งใจฟังมันจากคนรอบตัวหรือไม่

      ยิ่งตำแหน่งสูงมากเท่าไร ต้องมี Self Awareness และ Feedback System

  8. ความสำคัญของ Deep Work

    • Deep Work เป็นช่วงที่เราจะโฟกัสกับงานได้ดีที่สุด โดยทั่วไปมีเพียง 3 ชม. ต่อวัน ดังนั้นต้องใช้และเลือกงานที่ดีที่สุดในช่วงเวลานี้
    • ทำอย่างไรที่จะมี Deep Work?
    • นอนให้พอ
    • จง focus กับงานที่สำคัญในช่วงเวลา Deep Work ซึ่งส่วนใหญ่เวลานั้นมักเป็นช่วงเช้า
    • ออกกำลังกาย
    • จงพักให้เป็น
    • ละเว้นมือถือ
    • หูฟังตัดเสียง จะทำให้ focus ยิ่งขึ้น
    • นั่งสมาธิ
  9. ภาวะหมดไฟ

    • วิธีสังเกต
    • เช็คจังหวะเวลาดู เราอาจเลือกทำงานไม่เหมาะกับเวลานั้นหรือไม่
    • เรื่องของงาน อาจจำเป็นต้อง มองงานเดิมด้วยมุมมองใหม่
    • เวลาเหมือน burnout อย่าราดน้ำซ้ำ เช่น ไปหาอะไรที่มีความสุขง่ายๆ เช่น เสพพวก ซีรีย์ หนัง เราควรหาหนังสือใหม่ๆมาอ่าน ออกกำลังกายเยอะๆ พบเจอผู้คน
    • เห็นโลกที่เราเห็น ไม่ใช่โลกที่มันเป็น บางอย่างแค่เปลี่ยนมุมมองก็ช่วยได้ เช่น เมื่อเจอปัญหา เราควรจะเรียกว่าเจอสิ่งที่ท้าทาย
    • แยก feedback กับสิ่งที่ไม่ใช่ feedback ออกไหม
    • มองในแง่ลบอยู่หรือไม่

      หากหาสิ่งที่ไม่พอใจและชนะมันได้ ภาวะหมดไฟก็จะหายไป! — Marissa Mayer

  10. สามกระบวนท่าในการตัดสินใจ

    1. ตัดสินใจเชิงโต้ตอบ ( Reactive decision-making ) เคสที่เจองานอะไรมาแล้วก็แก้ไปเรื่อยๆตามเคสที่มา ทำให้จัดลำดับความสำคัญไม่ได้ วางแผนงานไม่ได้ ต้องรีบเปลี่ยนเป็นการตัดสินใจเชิงรุก
    2. ตัดสินใจเชิงรุก ( Proactive decision-making ) การจัดงานที่ยุ่งเหยิงและวางแผนมัน หากทำได้เราจะเห็นสิ่งที่มา ก่อน ที่มาถึง และเราสามารถจัดการรองรับ ปัญหาเหล่านั้นได้
    3. ตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ( Strategis decision-making ) เมื่อมีแผนที่ชัดเจนแล้ว ทำให้เรามีเวลามากพอในการตัดสินใจ ในอนาคตทำให้เป็นอิสระ ทำงานและ focus ในสิ่งที่ยากมากที่สุดได้
  11. คำถามที่ใช่

    • หากเราเลือกถาม คำถามที่ถูก คำตอบก็จะถูกไปด้วย หลายครั้งมักไปหาคำตอบโดยไม่ได้ทบทวนว่าคำตอบนั้นถูกหรือยัง

ที่จริงแล้วหนังสือนั้น ประกอบไปด้วย 3 บทใหญ่ สิ่งที่ได้เขียนไป เป็นเพียงบทแรกคือ การจัดการตัวเอง ที่รู้สึกว่าอ่านแล้วทุกคนที่ผ่านมาอ่านน่าจะได้ประโยชน์กันมากที่สุด

หนังสือเล่มนี้ถือเป็นอีกเล่มหนึ่งที่อ่านไม่ได้ยาก ถ้าพูดถึงประสบการณ์ในการอ่านของเรา และแนะนำให้อ่านฉบับเต็มนะ :)

สุดท้ายขอปิดด้วยประโยคที่โดนใจที่สุด

วินัยคือสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ใช่พรสรรค์


ทั้งหมดเป็นบันทึกที่ได้จากการอ่าน ประโยคที่ถูกใจของหนังสือเล่มนี้ ซึ่งบางอย่างอาจมีการตีความไปแล้วบ้าง และตัดๆบางบทไปเพื่อฝึกฝนทักษะอ่านจับใจความของตัวเอง ขับออกมาให้ดีเท่าที่ตัวเองทำได้และสร้างนิสัยให้กับตัวเอง

บลู
บันทึกไม่ลับของบลู
Loading...
thanaporn nuwilai

Thanaporn Nuhwilai Full Stack developer, work of servers, databases, systems engineering, and clients. Depending on the project, what customers need may be a mobile stack or a Web application stack.